วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของมะเขือเทศ

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของมะเขือเทศ
              สวัสดีค่ะ เราจะมาทำความรู้จักกลับมะเขือเทศที่มีประโยชย์มากมายกันนะคะ
มะเขือเทศนั้นเป็นที่รู้กันดีถึงเรื่องความงามและเรื่องผิวพรรณแต่ สรรพคุณของมะเขือเทศ นั้นก็จัดเป็นสมุนไพรชั้นดีอีกชนิดหนึ่ง ที่ช่วยในการรักษาบ้างโรคได้เป็นอย่างดี นั้นเรามาทำความรู้จักกับ สรรพคุณของมะเขือเทศ และ ประโยชน์ของมะเขือเทศ ให้มากขึ้นกันดีกว่าค่ะ

สรรพคุณ / ประโยชน์ของมะเขือเทศ

                                      ภาพจาก  www.4tripmetrolink.com


          ใบหน้าเปล่งปลั่งสดชื่น
        กรดผลไม้ในมะเขือเทศมีสรรพคุณช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายให้หลุดลอกทำให้ผิวเปล่งปลั่ง นำมะเขือเทศขนาดปานกลาง 1 ผลไปบดให้ละเอียดด้วยเครื่องปั่น กรองด้วยผ้าขาวบางคั้นเอาน้ำเติมนมข้นจืดในปริมาณเท่ากับน้ำมะเขือเทศที่ได้นำส่วนผสมที่ได้มาลูบไล้ให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก

       ล้างพิษด้วยน้ำมะเขือเทศ
         มะเขือเทศอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินเอ ซี และอี ซึ่งช่วยเสริมสร้างพลังงานและขจัดสารพิษออกจากร่างกาย นำมะเขือเทศหั่นเป็นชิ้น ๆ จำนวน 450 กรัม น้ำมะนาว 2 ช้อนชาใส่ในเครื่องปั่น เติมเกลือและพริกไทยอีกประมาณหยิบมือปั่นส่วนผสมทั้งหมดจนเข้ากันดื่มเป็นประจำทุกเช้าจะช่วยให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า

          
ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง
          ใครจะคิดบ้างว่าการกินซอสมะเขือเทศช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ มะเขือเทศช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งที่ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ปลายลำไส้ใหญ่และปลายทวารหนักได้ถึง 60% และยังช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งที่อัณฑะในเพศชาย มีหลักฐานระบุว่า มะเขือเทศปรุงสำเร็จรูปมีไลโคปีน (Iycopene) ซึ่งเป็นสารต้านมะเร็งอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นอย่าลืมให้ซอสมะเขือเทศเป็นส่วนหนึ่งในเครื่องปรุงอาหารของคุณ รู้อย่างนี้แล้วก็อย่ากินทิ้งขว้างเหยาะให้เกลี้ยงไม่ให้ติดเหลือก้นขวด

        ลดการบวม
          โปแทสเซียมจำนวนมากในมะเขือเทศช่วยควบคุมสมดุลของเหลวในเซลล์และเนื้อเยื่อลดบวมตามร่างกายหรือที่เรียกว่าบวมน้ำ บรรเทาอาการอักเสบบวม อย่าลืมรับประทานสลัดที่มีมะเขือเทศเป็นอาหารมื้อต่อไปเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร

  ภาพจาก : www.webboard.ladytips.com 
              








สรรพคุณของมะละกอ

สรรพคุณของมะละกอ
   สวัสดีค่ะ วันนี้ดิฉันจะมาบอกสรรพคุณของมะละกอ ที่หลายคนอาจจะมองข้าม มะละกอเป็นพืชท้องถิ่นที่มีประโยชย์มากมาย นับว่าเป็นพืชมหัศจรรย์เลยทีเดียวล่ะค่ะ  เราจะมาทำความรู้จักกันเลยนะคะ

สรรพคุณของมะละกอ

ภาพจาก  :   www.oknation.net  

       สรรพคุณของมะละกอ สรรพคุณของมะละกอมีมากมายนัก ใช้เป็นยาสมุนไพรรักษาโรคได้
1. แก้อาการขัดเบา ใช้รากสด (1 กำมือ) 70-90 กรัม รากแห้ง 25-35 กรัม หั่นต้มกับน้ำ กรองดื่มเฉพาะน้ำ วันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ถ้วยชา(75 มิลลิลิตร) ดื่มก่อนอาหาร
2. เป็นยาระบายอ่อนๆ การกินเนื้อมะละกอสุก ช่วยเป็นยาระบายอ่อนๆ เพราะไปช่วยเพิ่มจำนวนกากไยอาหาร ดังนั้นเนื้อผลสุกมะละกอจะช่วยระบายอ่อนๆ แก้ท้องผูก
สรรพคุณ มะละกอ :
ผลสุก - เป็นมีสรรพคุณป้องกัน หรือแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน เป็นยาระบาย
ยางจากผลดิบ - เป็นยาช่วยย่อยโปรตีน ฆ่าพยาธิได้
รากมะละกอ - ขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา
ใช้เป็นยาระบาย :ใช้ผลสุกไม่จำกัดจำนวน รับประทานเป็นผลไม้

เป็นยาช่วยย่อย :
1. ใช้เนื้อมะละกอดิบไม่จำกัด ประกอบอาหาร เช่น ส้มตำ แกง เป้นผักจิ้ม
2. ยางจากผลดิบ หรือจากก้านใบ ใช้ 10-15 กรัม หรือถ้าเป็นตัวยาช่วยย่อย เพราะในยางมะละกอมีสารที่เรียกว่า Papain
เป็นยากัน หรือแก้โรคลักปิดลักเปิด โรคเลือดออกตามไรฟัน: ใช้มะละกอสุกรับประทานเป็นผลไม้ ให้วิตามินซีสูง
เท้าบวม: เอาใบมะละกอสดตำให้แหลกผสมกับเหล้าขาว ใช้พอกเท้าที่บวมลดอาการบวมลงได้
แก้เคล็ดขัดยอก: ใช้รากมะละกอสดตำให้แหลกผสมเหล้าโรงพอก
โดนหนามตำหรือหนามหักคาเนื้อใน: ให้บ่งปากแผลเปิดออก เอายางมะละกอดิบใส่หนามจะหลุดออก
คันเพราะพิษของหอยคัน: ให้ใช้ยางมะละกอดิบทาเช้า-เย็นจนหาย
เมื่อมีอาการปวดตามข้อและหลัง: รับประทานมะละกอสุกเป็นประจำป้องกันและบำบัดโรคปวดข้อปวดหลังได้ ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ไม่มีแรง ใช้รากมะละกอตัวผู้แช่เหล้าขาวให้ท่วมยาไว้ 7 วัน และกรองเอาน้ำใช้ทาแก้ปวดข้อและกล้ามเนื้อเปลี้ยอ่อนแรง ลดอาการปวดบวม ให้เอาใบมะละกอสดย่างไฟหรือลวกกับน้ำร้อนแล้วประคบบริเวณที่ปวด หรือตำพอหยาบห่อด้วยผ้าขาวบางทำเป็นลูกประคบ
ถ้าโดนตะปูตำเป็นแผล: ให้เอาผิวลูกมะละกอดิบตำพอกแผล เปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง แผลน้ำร้อนลวก ใช้เนื้อมะละกอดิบต้มให้สุกจนเปือย ตำพอกที่แผล แผลพุพอง ใช้ใบมะละกอแห้งกรอบบดเป็นผง ผสมกับน้ำกะทิพอเหนียวข้น ใช้พอกหรือทาที่แผลวันละ 2-3 ครั้ง
                                                    ภาพจาก : www.t-how.com
    


·         แหล่งข้อมูล  :
·         ข้อมูลจาก http://www.philippineherbalmedicine.org/papaya.htm
·         ข้อมูลจาก http://yathai.blogspot.com/2010/09/blog-post_10.html